Translate

วันศุกร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2556

9 สถาปัตย์ศิลป์ที่ "ในหลวง" ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยในการออกแบบ

9 สถาปัตย์ศิลป์ที่ "ในหลวง" ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยในการออกแบบ 

 

สถาบันศิลปสถาปัตยกรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ จัดนิทรรศการ ๙ สถาปัตย์ศิลป์พระภูมินทร์อัครศิลปินสยาม เทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา
      
       เนื้อหาของนิทรรศการเกี่ยวข้องกับ สถาปัตยกรรมไทย 9 แห่ง ที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริและพระบรมราชวินิจฉัยในการออกแบบ ก่อสร้างโดยสถาปนิกศิลปินแห่งชาติผู้ถวายงานทั้ง 3 ท่าน จากมหาวิทยาลัยศิลปากร คือ ดร.ประเวศ ลิมปรังษี, อ.วนิดา พึ่งสุนทร และ พลอากาศตรี อาวุธ เงินชูกลิ่น








 1.พระอุโบสถ วัดโสธรวรารามวรวิหาร
      
       สถาปนิก   ประเวศ ลิมปรังษี
       ที่ตั้ง        จ.ฉะเชิงเทรา

      
       การออกแบบพระอุโบสถนั้น ผู้ออกแบบได้เน้นการประยุกต์รูปแบบที่ไม่อิงตามแบบแผนของเขตพุทธาวาสทั่วไป โดยการรวมพระอุโบสถเข้ากับพื้นที่ใช้สอยอื่นๆ ให้เป็นหลังเดียวกัน ซึ่งเป็นสถาปัตนกรรมแนวใหม่ยุครัชกาลที่ 9 และมีคุณลักษณะต้องตามพระราชดำริ คือ ให้เป็นอาคารที่สมเกียรติกับหลวงพ่อพุทธโสธร มีความสง่างาม มีคุณค่าทางศิลปกรรม เหมาะสมที่จะเป็นพุทธสถาน เป็นถาวรวัตถุคู่บ้านคู่เมือง





 2.พระเมรุมาศสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี
      
       สถาปนิก ประเวศ ลิมปรังษี
       ที่ตั้ง       กรุงเทพมหานคร

      
       ในการออกแบบพระเมรุมาศองค์นี้ อาจารย์ประเวศ ลิมปรังษี สถาปนิกผู้ถวายงาน ได้นำแนวคิดด่านรูปร่าง แบบ และชั้นเชิงของพระเมรุมาศองค์กลาง ของสมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ มาเป็นแนวทางในการออกแบบ พระเมรุมาศสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี
      
       แต่ได้ประพันธ์ลวดลายและการตกแต่งราย ละเอียดขึ้นใหม่ทั้งหมด โดยคำนึงถึงพระราชจริยวัตรในสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี ที่สง่างาม นุ่มนวล อีกทั้งแบบที่ใช้ได้เน้นการตกแต่งด้วยสีสันสวยงาม ตามแบบอย่างพระเมรุสี ที่มีความอ่อนช้อยอย่างสตรี
      
       พระเมรุมาศเป็นอาคารทรงปราสาทแบบจตุรมุข ยอดทรงมณฑป ประกอบด้วย พรหมพักตร์ ยอดบนสุดประดิษฐานสัปตปฏลเศวตฉัตร






 3.พระมหาธาตุ เฉลิมราชศรัทธา
      
       สถาปนิก วนิดา พึ่งสุนทร
       ที่ตั้ง       รัฐอุตตรประเทศ สาธารณรัฐอินเดีย

      
       พระมหาเจดีย์องค์นี้มีรูปแบบทาง สถาปัตยกรรมผสมผสาน ลักษณะเด่นของศิลปสถาปัตยกรรมไทย นับแต่สมัยสุโขทัยลงมาจวบจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งประกอบด้วยการใช้บัวฝาละมีซ้อนสามชั้นเป็นส่วนรับเรือนธาตุ อันเป็นลักษณะเฉพาะในสมัยสุโขทัย
      
       การใช้เรือนธาตุแบบระฆังคว่ำ มีแนวบัวรอบปากระฆัง ซึ่งพบมากในสมัยอยุธยา และการใช้ปลียอดเป็นแบบบัวกลุ่มซ้อนชั้น อันเป็นลักษณะเด่นของสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยมีเจดีย์ประธานขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง ส่วนปลายยอดเป็นฉัตรโลหะหล่อ 9 ชั้น ล้อมด้วยเจดีย์ขนาดเล็กบนมุขหลังคาซุ้มพระ 8 ยอด รวมเป็นพระเจดีย์เก้ายอด องค์ระฆังของเจดีย์ทั้งเก้ายอดประดับด้วยโมเสกสีทองทั้งหมด






4.พระอุโบสถวัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก
      
       สถาปนิก พลอากาศตรี อาวุธ เงินชูกลิ่น
       ที่ตั้ง       กรุงเทพมหานคร

      
       สถาปนิกผู้ถวายงานน้อมรับแนวพระราช ดำริ มาดำเนินการออกแบบพระอุโบสถ โดยเน้นประโยชน์ใช้สอยภายในอาคารอย่างคุ้มค่า รูปแบบการศึกษาศิลปกรรมเป็นการผสมผสานสถาปัตยกรรมไทยกับสถาปัตยกรรมร่วมสมัย โดยได้ต้นเค้าจากสถาปัตยกรรมรูปทรงปูนแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ชี้ให้เห็นถึงพระราชนิยมที่ประหยัด เรียบง่าย เน้นการใช้ประโยชน์สูงสุดเป็นสำคัญ และยังถูกต้องตามพระราชประสงค์ให้พระอุโบสถเรียบง่ายเช่นนี้ เป็นตัวอย่างของวัดสำหรับชุมชนอีกด้วย






 5.การอนุรักษ์พระพุทธรัตนสถาน
      
       ที่ตั้ง กรุงเทพมหานคร

      
       พระพุทธรัตนสถาน เป็นอาคารชั้นเดียว ยกพื้นสูง แบ่งเป็น 3 ระดับ หลังคาทรงไทย มีมุขลดทั้งทางด้านทิศตะวันออก และด้านทิศตะวันตก หลังคามุงกระเบื้องดินเผาเคลือบสี ผนังประดับด้วยหินอ่อนสีเทา ภายในประดับภาพจิตรกรรมฝาผนัง
      
       กรมศิลปากร ได้รับสนองพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการดำเนินการอนุรักษ์ และเขียนภาพจิตรกรรมบนพื้นผนังระหว่างช่องพระบัญชรทั้ง 8 ผนัง ภายในพระอุโบสถพระพุทธรัตนสถาน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2537 เป็นต้นมา
      
       สำหรับแนวทางในการเขียนภาพนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานแนวพระราชดำริให้ยึดความสำคัญของพุทธ รัตนสถานเป็นหัวใจของการกำหนดภาพ เป็นภาพที่มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับพระอุโบสถพระพุทธรัตนสถานและพระราชกรณีย กิจในพระมหากษัตริย์รัชกาลต่างๆ







  
 6.พระอุโบสถวัดพุทธประทีป
      
       สถาปนิก ประเวศ ลิมปรังษี
       ที่ตั้ง        กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

      
       การออกแบบพระอุโบสถวัดพุทธประทีป ผู้ออกแบบได้เน้นการประยุกต์รูปแบบบและระบบการก่อสร้างอาคารที่เหมาะสมกับ สภาพที่ตั้งและสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะสภาพภูมิอากาศของประเทสอังกฤษที่มีความหนาวเย็น โดยใช้ผังพื้นรูปแบบโบสถ์ฝรั่ง และดัดแปลงหลังคาบางส่วนให้มีศิลปะแบบวัดไทย




 7.ศาลหลักเมือง
      
       สถาปนิก พลอากาศตรี อาวุธ เงินชูกลิ่น
       ที่ตั้ง       กรุงเทพมหานคร

      
       ศาลหลักเมืองหลังใหม่นี้ มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบยุคสมัยรัชกาลที่ 4 กล่าววคือ เป็นอาคารเครื่องปูน ทรงยอดปรางค์ มีมุขยื่นทั้ง 4 ด้าน แต่ละด้านมีหลังคาซ้อน 2 ชั้น และมัมุขลดอีกด้านละ 1 ชั้น มีหลังคากันสาดโดยรอบ เครื่องมุงประดับกระเบื้องเคลือบ
      
       ลักษณะศิลปกรรมได้รับอิทธิพลจากวัดเฉลิมพระเกียรติ โดยมีช่อฟ้าเป็นแบบนกเจ่า ซึ่งเป็นศิลปกรรมที่เป็นที่นิยมในสมัยรัชกาลที่ 4
      
       ส่วนใบระกานั้นทำเป็นลายช่อหางโตแทน ลายใบเทศ หน้าบันเป็นรูปดอกพุดตานประดับด้วยกระเบื้องเคลือบ พื้นลายสีเหลือง ตัวดอกและช่อลายสลับสี โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ผนังบุหินอ่อน มีประตูทางเข้าทั้ง 4 ด้าน ยกพื้นโดยรอบ บุด้วยหินอ่อนและมีพนักระเบียงหินอ่อนโดยรอบ มุขพักระเบียงประดับเสาหัวเม็ดทำด้วยหินอ่อนเช่นเดียวกัน






8.อาคารประดิษฐานพระบรมรูป พระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
      
       สถาปนิก   วนิดา พึ่งสุนทร
       
ที่ตั้ง        รัฐอุตตรประเทศ สาธารณรัฐอินเดีย
      
       แบบทางสถาปัตยกรรมได้ถูกร่างให้สอด คล้องกับความสูงของพระบรมรูปที่มีขนาดใหญ่กว่าพระองค์จริงเพื่อความสง่างาม โดยมีการผสมผสานศิลปสถาปัตยกรรมของไทยและอินเดียเข้าด้วยกัน ผังอาคารเป็นผังพื้นแปดเหลี่ยมรับกับฐานภายใน ซึ่งรองรับองค์พระบรมรูปบรอนซ์ทอง ประทับยืนฉลองพระองค์ด้วยชุดกองทัพไทย ขนาดสูง 2.30 เมตร การตกแต่งอาคารภายในวาดภาพจิตรกรรมภายใต้โดมกลีบมะเฟืองหินอ่อนเป็นภาพฉัตร เก้าชั้น มีพระปรมาภิไธยย่อ ลอยเด่นอยู่เหนือฉัตร





 9.ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
      
       สถาปนิก ประเวศ ลิมปรังษี
       ที่ตั้ง       จ.หนองบัวลำภู

      
       ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นอาคารที่มีลักษณะคล้ายหอพระ หรือ ศาลที่ประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีรูปแบบเป็นสถาปัตกรรมไทย ตัวศาลเป็นอาคารไม้ทรงไทย ผู้ออกแบบได้ออกแบบตกแต่งอาคารอย่างมีความหมาย โดยใช้รูปแบบของเครื่องศาสตราวุธและเครื่องทรงที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรง ใช้ในการศึกครั้งสำคัญเป็นองค์ประกอบหลักในการตกแต่งหน้าบัน เป็นรูปพระแสงของ้าวไขว้กับพระแสงดาบคาบค่าย
      
       เหนือขึ้นไปเป็นรูปพระมาลาเบี่ยง ประดับตกแต่งปิดทองลายเพดานและดาวเพดานภายในศาลและเพดานปีกนก ภายในศาลประดิษฐานพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ประทับยืนขนาดเท่าองค์จริง


                                              ******************


                                          ขอขอบคุณภาพเเละข้อมูลจาก


                       http://www.manager.co.th/CelebOnline              /ViewNews.aspx?NewsID=9550000000945



  

ไม่มีความคิดเห็น: